การเลือกตั้งประธานาธิบดีเม็กซิโก ในเดือน มิ.ย.ปี 2024 จะเป็นอีกหนึ่งศึกเลือกตั้งที่น่าสนใจ เพราะผู้สมัครท้าชิงจากพรรครัฐบาล และแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน ต่างก็เป็นผู้หญิง
ผู้ท้าชิงจากพรรค "โมเรนา" (Morena) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลฝ่ายซ้าย คือ คลาวเดีย เชนบัม อดีตนายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี้ ซึ่งถูกมองว่ามีความเหมาะสมที่จะรับตำแหน่งประธานาธิบดี ต่อจากนายอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำคนปัจจุบัน ซึ่งทำงานบริหารประเทศมาแล้ว 6 ปี และไม่มีสิทธิ์ลงสมัครเป็นสมัยที่ 2 ตามกฎหมายของเม็กซิโก
ชาวอาร์เจนตินาโอด หลังเงินเฟ้อพุ่ง 124%
นาโตเจอปัญหากระสุนราคาแพง หวั่นกระทบการยกระดับความปลอดภัย
จีนเตรียมรับมือฝีดาษลิง แบบเดียวกับโควิด หลังผู้ติดเชื้อพุ่งพรวด!
สำหรับเชนบัม ถือเป็นพันธมิตรทางการเมืองที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดี โลเปซ โอบราดอร์ โดยในปี 2000 เธอเคยเป็นเลขานุการด้านสิ่งแวดล้อมให้กับกรุงเม็กซิโกซิตี้ ในสมัยที่นายโลเปซ โอบราดอร์ ยังดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี และเธอยังเคยไปช่วยนายโลเปซ โอบราดอร์ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมาแล้วถึง 3 ครั้ง
จากนั้น ในปี 2018 เธอได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี้ ก่อนจะอำลาตำแหน่ง และประกาศลงสนามท้าชิงตำแหน่งผู้นำประเทศในปีนี้
พรรคโมเรนา ระบุว่า เชนบัมเอาชนะแคนดิเดตของพรรคอีก 5 คน ผ่านการลงคะแนนเสียงทั้งหมด 5 ครั้ง คิดเป็นคะแนนเฉลี่ยประมาณ 39%
ส่วนผู้สมัครหญิงอีกคนที่ได้รับการรับรองให้เป็นผู้ท้าชิงของแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน มีชื่อว่า โซชิตล์ กัลเวซ (Xóchitl Gálvez)
สำหรับแนวร่วมพรรคฝ่ายค้านของเม็กซิโก ประกอบด้วยพรรคฝ่ายค้านสำคัญ 3 พรรค ได้แก่ พรรค PRI ซึ่งเป็นพรรคใหญ่และเก่าแก่ เป็นคู่แข่งสำคัญของพรรคโมเรนา นอกจากนี้ ยังมีพรรค PAN (แพน) และพรรค PRD ซึ่งตัวนางกัลเวซนั้น เป็นสมาชิกวุฒิสภาจากพรรค PAN
กัลเวซ มีเชื้อสายชนพื้นเมือง มาจากครอบครัวฐานะยากจน ได้ทุนเรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ และสร้างเนื้อสร้างตัวจากการค้าขาย จนกลายเป็นนักธุรกิจ เธอมักสวมเสื้อผ้าของชนพื้นเมืองจนเป็นที่จดจำ และยังมีความโดดเด่นจากการพูดจาตรงไปตรงมา เข้าใจง่าย บ่อยครั้งที่เธอมักถูกพบเห็นปั่นจักรยานรอบๆ ไปกรุงเม็กซิโกซิตี้ จนมีภาพลักษณ์เป็นนักการเมืองที่ติดดิน และเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นแรงงานและคนรุ่นใหม่
กัลเวซ เคยให้สัมภาษณ์ว่าประธานาธิบดีโลเปซ โอบราดอร์ จะไม่มีวันชนะเธอได้ เพราะเธอกล้าหาญ และเป็นผู้หญิงหัวก้าวหน้า และนี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
ระหว่างปี 2015 – 2018 กัลเวซ เคยดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี เขตมิเกล อิดัลโก ของกรุงเม็กซิโกซิตี้ ก่อนจะได้รับเลือกเป็นวุฒิสมาชิกของพรรค PAN
การเผชิญหน้ากันของ 2 ผู้สมัครหญิง ถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญทางการเมืองและสังคม และสะท้อนถึงบทบาทที่มากขึ้นของผู้หญิงในเวทีการเมืองของเม็กซิโก โดยปัจจุบัน เม็กซิโกมีสัดส่วนผู้หญิงในรัฐสภามากเป็นอันดับ 4 ของโลก แซงหน้าบราซิล อังกฤษ และสหรัฐฯ ที่ สว.เพียง 1 ใน 4 เป็นผู้หญิง
นอกจากนี้ ข่าว 2 ผู้สมัครหญิง ยังมีขึ้นไม่นานหลังจากศาลสูงสุดของเม็กซิโกมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้การทำแท้งไม่ใช่อาชญากรรม และการลงโทษคนทำแท้งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สิทธิผู้หญิงพิจารณาเรื่องการยุติการตั้งครรภ์ด้วยตนเอง
ปัจจุบัน เกือบครึ่งหนึ่งของประเทศในแถบลาตินอเมริกา รวมถึงบราซิล ล้วนเคยมีผู้นำรัฐบาลที่เป็นผู้หญิง แต่มีเพียงฮอนดูรัส และเปรูเท่านั้น ที่เคยมีประธานาธิบดีเป็นผู้หญิง
ขณะที่เม็กซิโก ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ยังยึดถือค่านิยมดั้งเดิม ซึ่งมักจำกัดสิทธิและเสรีภาพของผู้หญิงในการใช้ชีวิตนอกบ้าน ประกอบกับแนวคิดปิตาธิปไตย หรือชายเป็นใหญ่ ที่ยังฝังรากลึกอยู่ในสังคม เห็นได้จากความไม่เสมอภาคในที่ทำงาน ซึ่งทำให้ค่าตอบแทนของแรงงานหญิงในเม็กซิโกยังน้อยกว่าแรงงานชาย และแรงงานหญิงยังมีโอกาสถูกเลิกจ้าง หากตั้งครรภ์
โดยผู้หญิงในเม็กซิโกเพิ่งจะได้สิทธิในการลงคะแนนเลือกตั้งเมื่อปี 1953 ซึ่งช้ากว่าเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐฯ ถึง 33 ปี
นอกจากนี้ เม็กซิโกยังมีปัญหาเด็กหญิงถูกบังคับแต่งงานก่อนวัย โดยผลสำรวจในปี 2020 พบว่า ผู้หญิงอายุ 12-17 ปี ทุก ๆ 100 คน จะมี 4 คน ที่แต่งงานแล้ว
รวมถึงปัญหาการใช้ความรุนแรงกับผู้หญิง และเฟมิไซด์ (femicide) หรือพฤติกรรมเจตนาฆ่า เพียงเพราะเหยื่อเป็นผู้หญิง ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า นับตั้งแต่ปี 2015
บรรดาผู้หญิงในเม็กซิโก ซึ่งมีสัดส่วนคิดเป็น 52% ของประชากรทั้งประเทศ จึงตื่นตัวกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น และต่างตั้งความหวังว่า รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ารับตำแหน่งในเดือน ต.ค.ปีหน้า จะเป็นตัวแทนของพวกเขาได้ดียิ่งกว่าที่รัฐบาลชุดไหน ๆ เคยมีมาคำพูดจาก เว็บสล็อตใหม่ล่าสุด